4 ข้อแตกต่าง โต๊ะปรับระดับไฟฟ้า มอเตอร์เดี่ยวกับมอเตอร์คู่

อาจสังเกตเห็นว่ามอเตอร์ที่ติดตั้งกับโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าจะมีทั้ง รุ่นมอเตอร์เดี่ยว และ มอเตอร์คู่ ซึ่งคิดว่า ทุกคนคงจะสงสัยอย่างแน่นอนว่าความแตกต่างของมอเตอร์แต่ละแบบนั้นคืออะไร ? ถ้าเราเลือกซื้อโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าตามคุณสมบัติแค่ภายนอกอาจจะไม่รู้ เราเลยต้องมาเช็คกันดูว่ามอเตอร์ที่ใช้ติดตั้งโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าแต่ละรุ่นก่อนว่าเป็นแบบไหน ซึ่งแต่ละแบบก็มีจุดต่างและความเหมาะสมกับการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน
โต๊ะปรับระดับไฟฟ้ามอเตอร์เดี่ยว vs. มอเตอร์คู่?
ถ้าเปรียบโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าเป็นรถยนต์ มอเตอร์ก็คือ เครื่องยนต์ที่กำหนดทั้งสมรรถนะ ความนุ่มนวล และความปลอดภัยในการใช้งาน มอเตอร์ที่มีคุณภาพดีช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความสามารถในการรองรับน้ำหนักของอุปกรณ์ที่จัดวางบนโต๊ะได้ หากเลือกมอเตอร์ไม่ดี อาจเกิดปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประสบการณ์การใช้งานของเราในระยะยาว
โต๊ะปรับระดับไฟฟ้ามอเตอร์เดี่ยว
โต๊ะปรับระดับไฟฟ้ามอเตอร์เดี่ยวเป็นระบบที่ใช้มอเตอร์เพียงตัวเดียวในการควบคุมการปรับระดับของทั้งโต๊ะ โดยอาศัยกลไกการถ่ายแรงผ่านแกนหรือสายพานเพื่อยกขาโต๊ะทั้งสองข้างพร้อมกัน ข้อดีของโต๊ะปรับระดับไฟฟ้ามอเตอร์เดี่ยวคือ มีราคาย่อมเยา เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปที่ไม่ได้ต้องการรับน้ำหนักกับอุปกรณ์บนโต๊ะมากหรือปรับระดับโต๊ะบ่อย แต่โต๊ะปรับะดับไฟฟ้าที่ใช้มอเตอร์เดี่ยวมักมีข้อจำกัดในด้านความสามารถในการรับน้ำหนัก และอาจมีเสียงดังสั่นสะเทือนเมื่อยกน้ำหนักใกล้ขีดจำกัด ควรระวังเรื่องน้ำหนัก ถ้าอุปกรณ์บนโต๊ะราคาแพงก็ต้องระวังหน่อย
โต๊ะปรับระดับไฟฟ้ามอเตอร์คู่

ส่วนโต๊ะปรับระดับไฟฟ้ามอเตอร์คู่เป็นระบบที่ใช้มอเตอร์สองตัวควบคุมขาโต๊ะแต่ละข้างอย่างอิสระ ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำหนักได้มากกว่า เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการวางอุปกรณ์หนัก เช่น จอมอนิเตอร์หลายจอ หรืออุปกรณ์เสริมที่มีน้ำหนักมาก ด้วยคุณสมบัติและกลไกของระบบมอเตอร์คู่ที่มีมากกว่า ทำให้โต๊ะปรับระดับไฟฟ้ามอเตอร์คู่ค่อนข้างมีราคาสูงกว่า แต่เมื่อเทียบกันแล้วมอเตอร์คู่สามารถทำงานได้นิ่งเงียบ ลื่นไหลกว่า เวลาที่เราปรับระดับโต๊ะกว่าตัวรุ่นมอเตอร์เดี่ยว แม้ในกรณีที่ต้องรองรับน้ำหนักเยอะเวลาปรับระดับก็ตาม
4 จุดแตกต่างสำคัญของ โต๊ะปรับระดับไฟฟ้ามอเตอร์เดี่ยวและมอเตอร์คู่
1. ความเร็วในการปรับระดับ (Speed)
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าแต่ละรุ่นมีความเร็วในการปรับระดับที่แตกต่างกัน ซึ่งจำนวนมอเตอร์เป็นตัวกำหนดความเร็วในการปรับระดับความสูง-ต่ำของโต๊ะปรับระดับไฟฟ้า โดยมอเตอร์คู่นั้นสามารถปรับระดับได้เร็วกว่าเฉลี่ยประมาณ 30-50 มม./วินาที และมีความเร็วสปีดคงที่แม้ต้องรับน้ำหนักเยอะ ในขณะที่มอเตอร์เดี่ยวความเร็วจะอยู่ที่ประมาณ 20-30 มม./วินาที เมื่อโต๊ะรับน้ำหนักมากหรือมีการปรับถึงระดับสูงสุด อาจสังเกตเห็นได้ว่า ความเร็วสปีดของโต๊ะจะเคลื่อนที่ช้าลง ซึ่งระดับความเร็วเวลาที่ปรับระดับจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักของหรืออุปกรณ์ที่วางอยู่โต๊ะร่วมด้วย หากต้องการโต๊ะปรับระดับที่มีความเร็วสม่ำเสมอคงที่ มอเตอร์คู่จะทำได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับมอเตอร์เดี่ยวที่มีข้อจำกัดความเร็วในการยกไปถึงระดับความสูงสุด เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปที่รองรับอุปกรณ์ที่มีน้ำหนักไม่มาก
2. ความลื่นไหลในการปรับระดับ (Stability)
โต๊ะปรับระดับไฟฟ้าที่ใช้มอเตอร์เดี่ยวใช้กำลังมอเตอร์เพียงตัวเดียว ส่วนใหญ่จะเจอกับปัญหากระตุกหรือสั่นเวลาที่มีการปรับระดับขึ้น-ลงในการขับเคลื่อนขาโต๊ะทั้งสองข้าง เนื่องจากขาโต๊ะทั้งสองข้างไม่ได้รับแรงขับเคลื่อนที่สม่ำเสมอ หรือมีกำลังมอเตอร์ไม่เพียงพอในการปรับระดับ อาจมีการสะดุดบ้างหรือตอบสนองช้าลง โดยเฉพาะตอนรับน้ำหนักมากขึ้นหรือใช้งานต่อเนื่องนาน ๆ ส่วนโต๊ะปรับระดับไฟฟ้ามอเตอร์คู่ มีมอเตอร์สองตัวทำงานร่วมกัน แต่ละตัวทำงานแยกกันที่ขาโต๊ะทั้งสองข้าง และทำหน้าที่ขับเคลื่อนขาโต๊ะในแต่ละด้านแยกกัน ซึ่งช่วยกระจายน้ำหนัก ทำให้สามารถปรับระดับขึ้น-ลงได้อย่างนิ่มนวลแต่ยังคงความสมดุล พร้อมรองรับน้ำหนักได้ดีกว่าเมื่อมีการปรับโต๊ะไปยังระดับสูงสุด การทำงานของมอเตอร์คู่จะช่วยลดอาการกระตุกหรือสั่นสะเทือนที่อาจเกิดขึ้นได้ในโต๊ะปรับระดับไฟฟ้ารุ่นมอเตอร์เดี่ยว
3. เสียงรบกวนเวลาปรับระดับ (Noise)
เมื่อเทียบแล้วเสียงการทำงานระหว่างมอเตอร์เดี่ยวและมอเตอร์คู่ดูเหมือนจะไม่ต่างกันมาก แต่ถ้าลองไปเทสเสียงจริง โต๊ะปรับระดับไฟฟ้าที่ใช้มอเตอร์คู่ จะมีเสียงรบกวนที่เบากว่า อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากมอเตอร์แต่ละข้างทำงานแยกกัน ไม่ต้องรับภาระหนักจากการขับเคลื่อนขาทั้งสองด้านพร้อมกัน ช่วยลดแรงต้าน แรงเสียดสีกันของระบบภายใน เสียงที่เกิดขึ้นเลยมีเสียงนุ่มและเงียบกว่า เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 45-50 เดซิเบล ซึ่งต่างจาก โต๊ะปรับระดับไฟฟ้าที่ใช้มอเตอร์เดี่ยว มักมีเสียงรบกวนที่ค่อนข้างดังและไม่สบายหูเมื่อเทียบเสียงกันจริง เนื่องจากมอเตอร์ตัวเดียวต้องรับน้ำหนักขาทั้งสองข้าง ทำให้แรงกดดันสูงและอาจทำให้เกิดเสียงกลไกที่ได้ยินชัดกว่า ในระดับ 50-60 เดซิเบล โดยเฉพาะเมื่อรับน้ำหนักมาก หากต้องการความเงียบในการใช้งานต่อเนื่อง แน่นอนว่ามอเตอร์คู่จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า นอกจากนี้ ความดังและโทนเสียงของมอเตอร์จะขึ้นอยู่กับที่คุณภาพของมอเตอร์แต่ละแบรนด์ด้วย
4. การรับน้ำหนักเวลาปรับระดับ (Weight)
เมื่อพูดถึงความสามารถในการรับน้ำหนัก โต๊ะปรับระดับไฟฟ้าที่ใช้มอเตอร์คู่มักจะรองรับน้ำหนักได้ดีกว่า ลองดูตารางทดสอบการรับน้ำหนักระหว่างโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าที่ใช้มอเตอร์เดี่ยว และโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าของ LIV ที่ใช้มอเตอร์คู่ตามตารางด้านล่างกัน

เมื่อเทียบกันแล้ว มอเตอร์เดี่ยว นั้นรองรับน้ำหนักได้ไม่มากเท่ากับมอเตอร์คู่ แต่ถ้าใครที่ต้องการประหยัดงบและใช้โต๊ะสำหรับวางอุปกรณ์ทั่วไปที่มีน้ำหนักไม่มาก อย่างเช่น โน้ตบุ๊ก หรือคอมพิวเตอร์ตัวเดียว ก็สามารถเลือกใช้ โต๊ะปรับระดับไฟฟ้ามอเตอร์เดี่ยว ได้เช่นเดียวกัน แต่ถ้ามีอุปกรณ์หนัก เช่น ต้องใช้คอมหลายจอ มีจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ หรืออุปกรณ์เสริมหลายชิ้น แนะนำว่า โต๊ะปรับระดับไฟฟ้ามอเตอร์คู่ จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะสามารถรองรับน้ำหนักได้มากกว่า และมีความเสถียรนุ่มสมูทกว่าเวลาปรับระดับขึ้น-ลง
พร้อมช้อปแล้วหรือยัง ? มาดูคอลเลกชันโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าของ LIV มีให้เลือกถึง 2 รุ่น ทั้งรุ่น Normal และรุ่น Pro มอเตอร์คู่ มีท็อปโต๊ะไม้เกรดพรีเมียม ให้เลือกจับคู่กับขาโต๊ะได้ตามใจชอบ สั่งซื้อได้แล้ววันนี้ผ่านหน้าเว็บไซต์ หรือปรึกษาแอดมินก่อนได้ที่ LINE @livth (มี@ด้วยนะ)
-
Electric Height Adjustable Desk LIV Standing Desk Normal
Rated 4.9 out of 5฿13,900.00 – ฿19,900.00 -
Electric Height Adjustable Desk LIV Standing Desk Pro Gen II
Rated 4.89 out of 5฿15,900.00 – ฿21,900.00