อ่านข้อมูลนี้ก่อนเลือกซื้อ “โต๊ะปรับระดับไฟฟ้า” ถ้าไม่อยากพลาด

ต้องบอกเลยว่า เดี๋ยวนี้โต๊ะปรับไฟฟ้าเป็นที่จับต้องได้ และราคาไม่แพงแล้วเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน เรทราคาก็มีให้เห็นตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น พร้อมกับมีแบบให้เลือกมากมาย หลายเกรด หลายรุ่น ทำให้เรามีตัวเลือกในการตัดสินใจซื้อที่เยอะขึ้น แต่ความแตกต่างที่สำคัญคือเรื่อง คุณภาพและคุณสมบัติ ที่ไม่เหมือนกัน ถ้าตัดสินใจไม่ดี หรือเลือกวัสดุและโครงสร้างที่คุณภาพไม่ได้มาตรฐาน อาจมีผลต่อความทนทาน อายุการใช้งาน และทำให้เกิดปัญหาทางกลไกหรือความไม่เสถียรต่อการใช้งานตามมาได้
ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจให้เราเลือกซื้อโต๊ะปรับระดับไฟฟ้า คงหนีไม่พ้นเรื่องของราคา และรูปแบบดีไซน์ เป็นอันดับต้น ๆ เพื่อให้ได้โต๊ะที่ตอบโจทย์ความต้องการและคุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุด
ลองกำหนด Spec คร่าว ๆ ก่อนเลือกซื้อ
- งบประมาณ: กำหนดงบประมาณที่ตั้งไว้ เพื่อให้สามารถเลือกซื้อโต๊ะที่มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการ
- ประเมินพื้นที่ใช้สอย: วัดขนาดพื้นที่ที่จะวางโต๊ะก่อน แล้วค่อยเลือกขนาดโต๊ะที่เหมาะสมกับพื้นที่ที่มี
- ฟังก์ชันที่จำเป็น: ดูว่ารุ่นไหนมีฟังก์ชันที่เหมาะสมต่อการใช้งานจริง
- ความทนทาน: หากใช้งานหนักมาก ๆ ก็ควรเลือกวัสดุที่แข็งแรงเป็นพิเศษ
และเปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ ร้านก่อนตัดสินใจซื้อ จากการสำรวจพบว่า ลูกค้าส่วนใหญ่มีการหาข้อมูลเปรียบเทียบประกอบการเลือกซื้อโต๊ะปรับระดับไฟฟ้า ทั้งดู รีวิวจาก Influencer คนดังหรือฟังความคิดเห็นจากประสบการณ์ของผู้ใช้งานจริง ซึ่งก็มีส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อการเลือกซื้อ แต่ถ้าหากดูแล้วยังไม่ตรงกับความต้องการ ก็อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจซื้อ

เพราะถ้าอยากได้โต๊ะปรับระดับไฟฟ้าที่ใช้งานได้ยาวนานและคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป อาจจะต้องลองเริ่มพิจารณาหาข้อมูลให้ละเอียด หรือเร่ิมทำ Checklist ก่อนซื้อโต๊ะปรับระดับไฟฟ้า ในวันที่ตัดสินใจซื้อไปแล้วอาจเกิดปัญหาตามมาทีหลังได้ แถมเสียทั้งเงิน ทั้งเวลา ไปฟรี ๆ หากกำลังมองหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าอยู่ละก็ ลองอ่านข้อมูลเพิ่มเติมก่อนได้ที่นี่
เช็คจุดสำคัญ ก่อนเลือกซื้อโต๊ะปรับระดับไฟฟ้า
1) เลือกมอเตอร์ที่มีคุณภาพ
พบว่าปัญหาของลูกค้าส่วนใหญ่ที่เจอหลังจากที่ซื้อโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าไปแล้ว คือ เรื่องของมอเตอร์ ที่มีเสียงดัง ปรับระดับช้า เกิดเสียงรบกวนเวลาปรับระดับขึ้น-ลง ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานและสร้างความรำคาญใจได้ในระยะยาว
ก่อนตัดสินใจซื้อโต๊ะปรับระดับไฟฟ้า สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาเป็นอันดับแรก คือ มอเตอร์ของโต๊ะ ซึ่งมอเตอร์เป็นหัวใจสำคัญของโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าเลยก็ว่าได้ ถ้าแบรนด์ไหนที่ใช้มอเตอร์ที่มีคุณภาพดี ทดสอบง่าย ๆ ให้ลองปรับระดับโต๊ะขึ้น-ลง จะเห็นได้ถึงความแตกต่างว่า เวลาที่กดปุ่มปรับระดับมีความมั่นคง มีความนิ่มสมูท ไม่กระตุกหรือสั่น ระหว่างปรับขึ้นหรือลง
วิธีเช็คมอเตอร์โต๊ะปรับระดับไฟฟ้าเบื้องต้น

✔ กำลังของมอเตอร์
คือ ค่าที่บ่งบอกถึงความสามารถในการทำงานของมอเตอร์ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ความแรงของมอเตอร์นั่นเอง ซึ่งส่งผลในเรื่องของความเร็วและความนุ่มนวลในการปรับระดับ
✔︎ จำนวนมอเตอร์
โต๊ะบางรุ่นอาจมีมอเตอร์ 1 ตัว ที่เราเรียกกันว่ามอเตอร์เดี่ยว หรืออีกแบบคือรุ่นที่มีมอเตอร์ 2 ตัว เราเรียกว่า มอเตอร์คู่
- โต๊ะปรับระดับไฟฟ้าแบบมอเตอร์เดี่ยว: เป็นมอเตอร์ที่นิยมใช้ในโต๊ะปรับระดับไฟฟ้ารุ่นทั่วไปที่เราเห็นในตลาดมากที่สุด ราคาถูกกว่า แต่ในเรื่องของการปรับระดับจะปรับได้ไม่สมูท มีเสียงดังรบกวน และรับน้ำหนักได้ตามที่กำหนด
- โต๊ะปรับระดับไฟฟ้าแบบมอเตอร์คู่: โต๊ะปรับระดับไฟฟ้าแบบมอเตอร์คู่ จะรับน้ำหนักได้มากกว่า และสามารถปรับระดับได้สมูทว่า และเสียงเบากว่าตัวมอเตอร์เดี่ยว
✔︎ ระบบป้องกันความปลอดภัย
มีระบบป้องกันความร้อนเกิน เพื่อป้องกันการไหม้ของมอเตอร์ระหว่างใช้งานนาน ๆ รวมไปถึงมีระบบป้องกันกันสิ่งกีดขวาง เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน หากมีสิ่งกีดขวาง มอเตอร์จะหยุดทำงานทันที
✔︎ ซาวน์เช็คเสียงรบกวน
ทดสอบได้โดยวิธีการกดปรับระดับขึ้น-ลง แล้วลองสังเกตจากเสียงที่ได้ยินเวลาที่โต๊ะกำลังยกระดับขึ้นหรือลดลง ว่ารับกับเสียงรบกวนได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะใช้มอเตอร์คนละรุ่นกัน ระดับความดังของเสียงมอเตอร์ก็จะไม่เท่ากัน
2) เลือกวัสดุท็อปโต๊ะที่ทนทาน
ทดสอบได้โดยวิธีการกดปรับระดับขึ้น-ลง แล้วลองสังเกตจากเสียงที่ได้ยินเวลาที่โต๊ะกำลังยกระดับขึ้นหรือลดลง ว่ารับกับเสียงรบกวนได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะใช้มอเตอร์คนละรุ่นกัน ระดับความดังของเสียงมอเตอร์ก็จะไม่เท่ากัน
หลายคนอาจจะลืมนึกถึงข้อนี้ไปว่า ท็อปโต๊ะ เป็นส่วนที่เราสัมผัสและใช้งานบ่อยที่สุด อย่ารีบตัดสินใจเลือกโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าจากรูปแบบดีไซน์ ก่อนตัดสินใจซื้อให้ดูจากพฤติกรรมการใช้งานของเราเป็นหลักก่อนว่า ใช้ทำงานแบบไหน หากมีการจัดวางเรื่องของ อุปกรณ์สำคัญอย่างเช่น หน้าจอคอม หรืออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ที่ค่อนข้างมีน้ำหนัก ควรเช็คให้ดีเรื่องของ ความแข็งแรง ทนทาน และการรองรับน้ำหนัก ซึ่งวัสดุของท็อปโต๊ะแต่ละชนิด อาจมีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างกัน วัสดุบางชนิดอาจทนทานต่อรอยขีดข่วน และรอยเปื้อนได้ดีกว่าวัสดุชนิดอื่น แต่วัสดุบางชนิดอาจต้องการการดูแลรักษาที่พิเศษ เช่น การเคลือบ หรือการขัด ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องของการใช้งานอยู่เหมือนกัน
ส่วนนี้อาจจะต้องไป dig down ศึกษาดูเพิ่มเติมเรื่องของวัสดุที่จะเลือกซื้ออีกที และควรพิจารณาด้วยว่าวัสดุที่เลือกนั้น ดูแลรักษายากง่ายแค่ไหน หลังจากที่ซื้อมาใช้งานแล้ว วิธีดูแลรักษาวัสดุท็อปโต๊ะต้องดูแลยังไง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น และยังคงความสวยงามอยู่เสมอ
วัสดุที่นิยมใช้ทำท็อปโต๊ะปรับระดับไฟฟ้า

- ไม้จริง: ลวดลายเป็นธรรมชาติ ทนทาน แต่มีราคาค่อนข้างสูง ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ
- ไม้ MDF: ราคาประหยัด น้ำหนักเบา แต่ความทนทานอาจไม่เท่ากับไม้จริง
- ลามิเนต: มีให้เลือกหลายสี หลายลาย ราคาไม่แพง ทนทานต่อรอยขีดข่วน แต่ถ้าเจอความร้อนสูงอาจทำให้เสียรูปได้
- กระจก: ทนทานต่อรอยขีดข่วน แต่มีราคาสูง และอาจแตกหักได้ง่ายหากกระแทกแรง
แนะนำ: ถ้าตัดสินใจเลือกวัสดุประเภทไม้ ควรเลือกท็อปโต๊ะที่มีการเคลือบผิวกันน้ำ กันความชื้น กันแมลง หรือปลวกร่วมด้วย
หรือหากมีแผนจะติดตั้งแขนจับจอกับโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าด้วย แนะนำว่าควรเลือกท็อปโต๊ะที่มีความหนาที่เหมาะสม เช่น ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด หรือไม้ MDF และควรหลีกเลี่ยงโต๊ะที่มีหน้าโต๊ะเป็นกระจก เนื่องจากอาจเกิดความเสียหายได้ง่าย
👉🏻 อ่านข้อมูลเพิ่มเติมต่อ: เปรียบเทียบ 6 ชนิดไม้ยอดนิยม สำหรับโต๊ะปรับระดับไฟฟ้า
3) เลือกโครงสร้างและขาโต๊ะที่แข็งแรง
หลังจากเช็คเรื่องวัสดุแล้ว ขั้นตอนต่อมาควรเช็คว่า โครงสร้างของโต๊ะว่าแข็งแรงและมั่นคงเพียงพอที่จะรองรับน้ำหนักของท็อปไม้และอุปกรณ์ต่าง ๆ บนโต๊ะได้หรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถรองรับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีอยู่บนโต๊ะได้อย่างปลอดภัย ไม่โครงเครง หรือเอนเอียงไปมาเวลาการใช้งาน เพราะโครงสร้างเป็นส่วนสำคัญ รับบทเป็นเมนหลักที่ยึดส่วนต่าง ๆ ระหว่างท็อปโต๊ะและขาโต๊ะ ก่อนตัดสินใจควรเช็คเรื่องของโครงสร้างก่อนเช่นเดียวกัน ที่สำคัญตัวคานต้องมีความมั่นคง แข็งแรง และสามารถรองรับน้ำหนักท็อปโต๊ะได้เป็นอย่างดี ซึ่งควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าโครงสร้างและขาโต๊ะรับน้ำหนักสูงสุดได้ที่เท่าไหร่ ต่อมาคือเรื่อง ขาโต๊ะที่ทำหน้าที่ยืดหดเวลาปรับระดับความสูง ควรพิจารณาเลือกซื้อตามสรีระของเรา ให้ได้ระดับที่พอดีไม่ว่าจะตอนนั่งหรือยืน
ในส่วนขาโต๊ะก็มีให้เลือกทั้งรุ่น 2 Stage และ 3 Stage โดยมีวิธีการสังเกตง่าย ๆ ที่ข้อต่อของขาโต๊ะ
- ขาโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าแบบ 2 Stage: มีข้อต่อ 2 ตอน สามารถปรับระดับความสูงได้ในช่วงที่กำหนด ส่วนใหญ่รับน้ำหนักได้ไม่เกิน 100 Kg. (หรือประมาณ 80-100 Kg.)
- ขาโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าแบบ 3 Stage: มีข้อต่อ 3 ตอน สามารถปรับระดับได้สูงขึ้น และรองรับน้ำหนักได้มากกว่าขารุ่น 2 Stage เฉลี่ยที่ 100-120 Kg.
ส่วนความสามารถในการปรับระดับความต่ำสุด-สูงสูงสุด ของแต่ละรุ่นก็จะต่างกันไป เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำที่สุด อันนี้แนะนำให้ลองตรวจสอบข้อมูลจากผู้ผลิตหรือสอบถามกับร้านที่สนใจสั่งซื้อได้เลย
4) เลือกฟังก์ชันตามการใช้งาน

นอกจากฟังก์ชันหลักที่เราต้องใช้งานในการปรับระดับความสูง-ต่ำ ให้ได้ตามต้องการแล้ว ถ้าถามเกี่ยวกับเรื่อง ฟังก์ชันเสริมของโต๊ะปรับระดับไฟฟ้า มีความสำคัญแค่ไหน ? คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของเรา ฟังก์ชันเสริมต่างๆ ของโต๊ะปรับระดับไฟฟ้า สามารถเพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการทำงานได้มากขึ้นได้ก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องใช้ฟังก์ชันเหล่านั้นทั้งหมด หากมีการใช้โต๊ะปรับระดับไฟฟ้าเพียงครั้งคราว ฟังก์ชันเสริมบางอย่างอาจไม่จำเป็น ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรลองทดสอบใช้งานโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าที่มีฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ เพื่อเทียบกันดูว่าฟังก์ชันไหนที่ต้องการใช้งาน หรือตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานของเรา อย่างเช่น
- สำหรับคนที่ชอบความสะดวกสบาย: ลองเลือกโต๊ะที่มีระบบจดจำความสูง มีช่องเสียบ USB สำหรับชาร์จโทรศัพท์โดยไม่ต้องใช้ปลั๊กไฟ และมีเสริมที่จัดวางของนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
- สำหรับคนที่ทำงานด้านกราฟิก: ลองเลือกโต๊ะที่มีพื้นที่กว้างขวางขึ้นมาหน่อย และมีระบบจัดการสายไฟที่เป็นระเบียบ ทำให้โต๊ะดูดีและไม่รกตา
- สำหรับคนที่ใส่ใจสุขภาพ: ลองเลือกโต๊ะที่มีระบบแจ้งเตือน หรือตั้งเวลาบังคับให้ปรับเปลี่ยนท่าทางระหว่างนั่งกับยืน โดยอัตโนมัติ ซึ่งไม่ต้องมากังวลว่าจะต้องเปลี่ยนอริยบถตอนไหน
เบื้องต้นอาจจะลองเทียบสเปคคร่าว ๆ แต่ละรุ่นตามการใช้งานหลักก่อน และเข้าไปที่ Showroom หน้าร้านเพื่อลองทดสอบ ว่าโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าแบบไหนที่มีความเหมาะสม และตรงกับการใช้งานของเราจริง ๆ แต่ถ้าซื้อออนไลน์อาจจะต้องใช้เวลาในการตัดสินใจหาข้อมูลประกอบเปรียบเทียบก่อนนิดนึง

ก่อนตัดสินใจซื้อโต๊ะปรับระดับไฟฟ้า อย่าลืมที่จะสอบถามเงื่อนไขการรับประกันจากผู้ขายอย่างละเอียด เพื่อความอุ่นใจในการใช้งานระยะยาว ว่าโต๊ะแต่ละรุ่นนั้นมีการรับประกันนานกี่ปี อะไหล่ส่วนใดบ้างที่รวมอยู่ในประกัน ขอบเขตการรับประกัน ความคุ้มครอง ครอบคลุมถึงความเสียหายประเภทใดบ้าง เช่น เวลาที่มอเตอร์เสียหาย หรือแผงควบคุมเกิดขัดข้อง มีอะไหล่สำรองของโต๊ะรุ่นนั้นหรือไม่ หากมีปัญหาจะสามารถส่งเคลมหรือหาอะไหล่เปลี่ยนได้ยังไง
ไม่ต้องกังวลเมื่อสั่งซื้อโต๊ะไฟฟ้ากับ LIV รับประกันให้ยาวนานถึง 5 ปี พร้อมทีมช่างประกอบและติดตั้งให้ถึงที่ และจัดส่งฟรีท่ัวไทย ติดต่อสั่งซื้อกับเราตอนนี้พร้อมรับโปรโมชันพิเศษก่อนใครได้ที่ LINE @livth (มี@ด้วยนะ)