Highlight

เปรียบเทียบ 6 ชนิดท็อปไม้ยอดนิยมสำหรับโต๊ะปรับระดับไฟฟ้า

ท็อปโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับ 1 คือ วัสดุประเภทไม้

สำหรับใครที่อยู่ในช่วงที่กำลังตัดสินใจ หัดเลือก หัดลอง หรือกำลังมองหาโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าสักตัวไว้ใช้งานอยู่ หนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษก่อนเลือกซื้อเลยก็คือ วัสดุที่ใช้ทำท็อปโต๊ะ ซึ่งในตลาดแต่ละเจ้า แต่ละแบรนด์ ที่เราเห็นอยู่ทั่วไปก็จะใช้วัสดุแต่ละชนิดในการผลิตที่แตกต่างกัน ซึ่งจากงานวิจัยจาก Global Market Insight พบว่า ส่วนใหญ่แล้วท็อปโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับ 1 คือ วัสดุประเภทไม้ อยู่ที่ 51% 

 

ทำไมท็อปไม้ถึงได้รับความนิยม ? ข้อดี-ข้อเสียของไม้แต่ละชนิด

ทำไม “ท็อปไม้” ถึงได้รับความนิยม ?

ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้ง ความแข็งแรง สวยงาม และทนทาน

ข้อดีของท็อปไม้:

  • ความสวยงาม มีลวดลายที่เป็นธรรมชาติ
  • คุณภาพ ไม้เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งาน และสามารถรับน้ำหนักได้ดี
  • ใช้งานได้นาน เมื่อดูแลรักษาอย่างถูกวิธี สามารถยืดระยะเวลาการใช้งานได้ยาวนานขึ้น
  • มีไม้ให้เลือกหลายชนิด ทั้งไม้เนื้อแข็งและไม้เนื้ออ่อน แต่ละชนิดมีสีสัน หลากหลายสไตล์ และลวดลายที่แตกต่างกัน

ข้อเสียของท็อปไม้:

  • ราคาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะไม้เนื้อแข็ง
  • ต้องดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเคลือบผิวเพื่อป้องกันรอยขีดข่วน ปลวกหรือแมลง และการหลีกเลี่ยงความชื้น

แต่หลายคนที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าอยู่นั้น อาจจะยังไม่รู้ว่าไม้ที่ใช้ผลิตท็อปโต๊ะนั้นมีให้เลือกหลากหลายชนิด ซึ่งในบทความนี้มีคำตอบให้ พร้อมเจาะลึกถึงความแตกต่างของไม้แต่ละชนิด ให้เห็นภาพกันแบบชัด ๆ และเข้าใจได้ง่ายขึ้น 

วัสดุของท็อปไม้:

ปัจจุบันท็อปไม้มีให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็น ไม้ Particle Board, ไม้ MDF, ไม้ประสาน, ไม้ยางพารา, ไม้อาคาเซีย และไม้จริง ซึ่งไม้แต่ละชนิดถูกแฝงไปด้วย คุณสมบัติ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด มาทำความรู้จักวัสดุไม้แต่ละประเภทกันก่อน

เปรียบเทียบคุณสมบัติและความแตกต่างของเกรดไม้แต่ละชนิด

เปรียบเทียบคุณสมบัติและความแตกต่างของเกรดไม้แต่ละชนิด

การเลือกวัสดุไม้มีความสำคัญ เพราะไม้แต่ละชนิดก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ทั้งในแง่ของความแข็งแรง ทนทาน ราคา และความสวยงามของลายไม้ หลังจากนี้เราจะมาทำความเข้าใจถึงความแตกต่างของไม้ Particle, MDF, ไม้ประสาน, ไม้ยางพารา, ไม้อาคาเซีย และไม้จริง เพื่อช่วยให้เราเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับความต้องการมากที่สุด 

การเลือกท็อปโต๊ะสำหรับโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวและงบประมาณที่ตั้งไว้ ซึ่งไม้แต่ละชนิดก็มีทั้ง ข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันไป เรามาลองดูกัน

วัสดุของท็อปไม้แต่ละชนิด แตกต่างกันอย่างไร

1. ไม้ปาติเคิลบอร์ด (Particle Board)

ไม้ Particle หรือไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด เป็นวัสดุที่นำเศษไม้ขนาดเล็กมาอัดประสานกันด้วยกาว ทำให้ได้เป็นแผ่นไม้ที่มีความหนาแน่นพอสมควร เมื่อเทียบกับวัสดุอื่น ๆ แล้วไม้ปาร์ติเคิลบอร์ดจะมีราคาที่ถูกที่สุด สามารถตกแต่งผิวหน้าได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ลามิเนต, เมลามีน หรือวีเนียร์ ทำให้ได้โต๊ะที่มีลักษณะสวยงามและดูทันสมัย ที่จริงแล้วไม้ปาร์ติเคิลบอร์ดก็สามารถรับน้ำหนักได้ดีพอสมควร ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปได้แบบสบาย ๆ แต่อาจมีข้อจำกัดในการใช้งานบางอย่าง เช่น หากโดนน้ำเป็นเวลานาน ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ดอาจบวมและเสียรูปได้ ควรหลีกเลี่ยงการโดนน้ำหรือนำไปใช้งานในบริเวณที่มีความชื้นสูง

  • ลักษณะ: เป็นแผ่นไม้ที่ผลิตจากเศษไม้และขี้เลื่อยที่นำมาอัดด้วยกาว
  • ข้อดี: ราคาถูก น้ำหนักเบา
  • ข้อเสีย: ไม่แข็งแรงทนทานเท่าไม้จริง พื้นไม้บวมได้ง่ายเมื่อโดนน้ำ หากใช้ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงอาจทำให้ท็อปโต๊ะเสียหายได้
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ใช้ทำงานทั่วไป หรือไม่ได้ใช้งานหนัก

2. ไม้ MDF (Medium Density Fiberboard)

MDF ย่อมาจาก Medium Density Fiberboard หรือไม้อัด ผลิตจากเส้นใยไม้ขนาดเล็กละเอียดอัดกันด้วยความร้อนและแรงดันสูงผสมกับเรซิน มีความหนาแน่นสูงกว่าไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด ทำให้ได้แผ่นไม้ที่มีความหนาแน่นสม่ำเสมอและผิวเรียบเนียน ไม้ MDF มีความแข็งแรงและทนทานต่อแรงกระแทกได้ดีกว่าไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด ไม้ MDF จะรับน้ำหนักได้ดีกว่า เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องรับน้ำหนักมากขึ้น ในส่วนของราคาไม้ MDF มีราคาสูงกว่าไม้ปาร์ติเคิลบอร์ดเล็กน้อย  แม้จะทนทานต่อความชื้นได้ดีกว่าไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำเป็นเวลานาน

  • ลักษณะ: เป็นแผ่นไม้อัดที่ผลิตจากเส้นใยไม้ละเอียดที่นำมาอัดด้วยกาวและความร้อน
  • ข้อดี: ผิวเรียบเนียน สามารถขึ้นรูปได้ง่าย ราคาไม่แพง
  • ข้อเสีย: หากโดนน้ำบ่อย ๆ อาจบวมได้ เช่นเดียวกับไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการผิวสัมผัสละเอียด เรียบเนียนไปกับท็อปโตีะ

3. ไม้ประสาน (Engineered Wood)

ไม้ประสาน หรือ ไม้ Engineered Wood ผลิตจากเศษไม้เหลือใช้ตามธรรมชาติ โดยนำชิ้นส่วนของไม้จริงมาประกอบเข้าด้วยกันด้วยกาวหรือสารยึดเกาะชนิดพิเศษ เพื่อให้ได้เป็นแผ่นไม้ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ช่วยลดการตัดไม้ทำลายป่า และมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ต่างกันไป สามารถเลือกใช้ไม้ชนิดต่าง ๆ มาประกอบได้ ทั้งไม้ยางพารา ไม้สัก ไม้อาคาเซีย  และไม้ชนิดอื่น ๆ ซึ่งไม้ประสานไม่บิดเบี้ยว งอ หรือแตกง่ายเหมือนไม้จริง ผ่านกระบวนการอบแห้งและควบคุมความชื้นมา ช่วยให้โต๊ะมีความแข็งแรงทนทานและใช้งานได้ยาวนานขึ้น ในเรื่องของราคาเมื่อเทียบกับไม้จริงไม้ประสานจะมีราคาที่ย่อมเยากว่า

  • ลักษณะ: เป็นไม้ที่นำไม้หลายชิ้นมาต่อประกบกัน โดยใช้กาวหรือลิ่มไม้ยึด
  • ข้อดี: แข็งแรง ทนทานกว่าไม้ Particle และ MDF 
  • ข้อเสีย: ราคาสูงกว่าไม้ Particle และ MDF อาจมีรอยต่อที่เห็นได้ชัด
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความแข็งแรง ทนทาน และต้องการลวดลายของไม้จริง

4. ไม้ยางพารา (Rubber Wood)

ไม้ยางพารา เป็นวัสดุธรรมชาติที่ผลิตมาจาก ต้นยางพารา เป็นที่นิยมสำหรับใช้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ มีความแข็งแรงพอสมควร แต่เมื่อเทียบกับไม้เนื้อแข็งชนิดอื่น ๆ เช่น ไม้สัก ไม้มะค่า ไม้ยางพาราจะมีความแข็งแรงน้อยกว่าและมีน้ำหนักเบากว่าไม้เนื้อแข็งชนิดอื่น ๆ  ทำให้ไม่เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องรับน้ำหนักมาก หรือใช้งานหนัก มีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของเนื้อไม้ มีสีน้ำตาลอ่อนถึงน้ำตาลเข้ม และอาจมีเส้นลายสีน้ำตาลเข้มตัดกันเล็กน้อย

  • ลักษณะ: ไม้เนื้อแข็งปานกลาง ที่ได้มาจากการต้นยางพาราแล้วมาแปรรูป 
  • ข้อดี: สวยงาม ทนทาน และมีราคาเป็นมิตร 
  • ข้อเสีย: เมื่อโดนความชื้นเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดเชื้อราหรือแมลงกัดกินได้

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการโต๊ะที่เป็นธรรมชาติ เข้ากับการตกแต่งห้องได้หลากหลายสไตล์

5. ไม้อาคาเซีย (Acacia Wood)

ไม้อะคาเซีย หรือ ไม้กระถินเทพา เป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความแข็งแรงทนทานสูง มีลวดลายสวยงาม และมีสีสันที่โดดเด่น ไม้อะคาเซียมีความแข็งแรงสูง ทนต่อการสึกหรอ และไม่บิดเบี้ยวง่าย ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก เนื้อไม้มีลวดลายที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ มีทั้งสีน้ำตาลเข้ม น้ำตาลอ่อน และสีเหลืองทอง เมื่อเทียบกับวัสดุอื่นๆ เช่น ไม้ MDF ไม้อะคาเซียจะมีราคาสูงกว่า แต่สามารถทนต่อสภาพอากาศได้ดี ไม่ว่าจะเป็นความร้อน ความชื้น หรือแสงแดด 

  • ลักษณะ: เป็นไม้เนื้อแข็ง
  • ข้อดี: มีความแข็งแรง ทนทานสูง ใช้งานได้นาน
  • ข้อเสีย: เมื่อเทียบกับวัสดุอื่นๆ เช่น ไม้ MDF ไม้อะคาเซียจะมีราคาสูงกว่า ไม่ทนทานต่อรอยไหม้
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการโต๊ะที่ต้องลวดลายและสีสันที่เป็นเอกลักษณ์ มีความทนต่อการใช้งาน

6. ไม้จริงเต็มแผ่น (Wood)

ไม้จริงเต็มแผ่น ได้จากการเลื่อยไม้จริงออกมาเป็นแผ่น มีหลากหลายชนิด เช่น ไม้สัก, ไม้แดง, ไม้โอ๊ค, ไม้มะฮอกกานี, ไม้วอลนัท, ไม้เมเปิล เป็นวัสดุธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งลายไม้ สีสัน และสัมผัสที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นธรรมชาติ ทำให้โต๊ะปรับระดับไฟฟ้าที่ทำจากไม้จริงมีความสวยงาม และดูมีระดับเป็นพิเศษ แต่มีราคาสูงกว่าวัสดุอื่น ๆ นอกจากนี้ อาจจะต้องพิจารณาเรื่องของที่มาที่ไปของการผลิตไม้ดี ว่า ผ่านการรับรองหรือได้มาตรฐานหรือไม่ เพราะถ้าไม่ได้มาจากแหล่งผลิตอย่างถูกต้อง อาจนำไปสู่การตัดไม้ทำลายป่า และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของเราตามมาได้

  • ลักษณะ: เป็นไม้ที่ตัดจากต้นไม้จริง
  • ข้อดี: มีความแข็งแรง ทนทาน มีลวดลายสวยงาม เป็นธรรมชาติ 
  • ข้อเสีย: ราคาสูงที่สุด อาจบิดเบี้ยวได้หากไม่ได้อบไม้ให้แห้งอย่างถูกวิธี
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการโต๊ะที่มีความหรูหรา ทนทาน และใช้งานได้ยาวนาน

🌝 Tips&Tricks: เคล็ดลับเพิ่มเติมในการเลือกท็อปไม้

✔︎  พิจารณาความหนาของแผ่นไม้: แผ่นไม้ที่หนาจะให้ความแข็งแรงทนทานมากกว่าแผ่นไม้ที่บาง

✔︎ เลือกวัสดุเคลือบผิว: การเคลือบผิวด้วยวัสดุต่างๆ เช่น เมลามีน หรือแล็กเกอร์ จะช่วยเพิ่มความทนทานและความสวยงามให้กับท็อปโต๊ะ

✔︎ ทดลองสัมผัสจริง: ลองสัมผัสผิวของท็อปไม้จริงที่หน้าร้าน เพื่อเปรียบเทียบดูว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน

✔︎ เปรียบเทียบคุณสมบัติ: ความแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งาน

✔︎ อ่านรีวิว: อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงเปรียบเทียบแต่ละร้าน เพื่อประกอบการตัดสินใจ

การเลือกวัสดุท็อปโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น งบประมาณ ความต้องการในการใช้งาน และสไตล์การตกแต่งห้อง หากต้องการโต๊ะที่ราคาประหยัดสำหรับใช้งานทั่วไป ราคาไม่แรงมาก วัสดุไม้ Particle หรือ MDF อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่ถ้าต้องการอัปเกรดเรื่องของคุณภาพเน้นความแข็งแรง ทนทาน ใช้งานยาว ๆ ไม้ประสาน และไม้จริงก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเหมือนกันในการตัดสินใจซื้อ

ท็อปไม้โต๊ะปรับระดับไฟฟ้า ท็อปโต๊ะคุณภาพ LIV

การเลือกท็อปไม้สำหรับโต๊ะปรับระดับไฟฟ้าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะส่งผลต่อทั้งรูปลักษณ์และอายุการใช้งานของโต๊ะในระยะยาว ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรพิจารณาให้ดีก่อนกันก่อนนะคะ เพื่อให้ได้ท็อปไม้ที่ตรงใจและตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด หมดห่วงเรื่องคุณภาพ โต๊ะปรับระดับไฟฟ้าของ LIV ใช้ท็อปไม้เกรดมาตรฐานส่งออกจากประเทศญี่ปุ่น ผ่านการรับรองมาตรฐานการผลิต JAS และมาตรฐาน ISO9001 พร้อมใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยเลือกใช้ไม้จากป่าปลูกที่มีการจัดการป่าไม้อย่างถูกต้องตามหลักการในระดับสากล ลดการตัดต้นไม้ใหม่ เพื่อรักษาป่าไม้ให้คงอยู่อย่างยั่งยืน หากยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกท็อปโต๊ะแบบไหนดี ลองปรึกษากับแอดมินก่อนได้ที่ LINE: @livth (มี@ด้วยนะ)

ใส่ความเห็น